Читать книгу «นภาแห่งเวทมนตร์ หนังสือเล่มที่ 9 ในชุดวงแหวนของผู้วิเศษ» онлайн полностью📖 — Моргана Райс — MyBook.
image

บทที่ แปด

ธอร์กริน เจ้าชายเคนดริค เจ้าชายบรอนสัน อีเร็ค และสร็อกยืนเรียงแถวหน้ากระดานอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อเผชิญหน้ากับกองทัพจักรวรรดิ โดยมีทหารของพวกเขายืนแถวอยู่ด้านหลังพร้อมด้วยอาวุธครบครัน พวกเขาเตรียมพร้อมที่จะเข้าเผชิญหน้ากับการเข้าโจมตีกองกำลังของจักรวรรดิ ธอร์รู้ดีว่านี่จะเป็นการจู่โจมที่ต้องสังเวยชีวิต มันจะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายในชีวิตนี้ แต่กระนั้น เขาก็ไม่เสียดาย เขาจะตายอยู่ที่นี่เพื่อเผชิญหน้ากับศัตรูด้วยเท้าทั้งสอง ด้วยดาบในมือ กับเหล่าพี่น้องทหารที่อยู่เคียงข้างกันเพื่อปกป้องบ้านเกิดเมืองนอน เขาได้รับโอกาสที่จะชดเชยในสิ่งที่เคยทำผิดไปตอนที่เข้ามาสู้รบกับพวกเดียวกันเอง มันไม่มีอะไรที่เขาจะร้องขอมากไปกว่านี้อีกแล้ว

ธอร์คิดถึงราชินีเกว็นโดลีน เขาเพียงปรารถนาว่าเขาจะมีเวลาเพื่อพระนางได้มากกว่านี้ เขาอธิฐานให้สเต็ฟเฟ่นนำตัวพระนางมาได้อย่างปลอดภัยและให้พระนางประทับอยู่ทางด้านหลังกองรบ เขารู้สึกถึงความเด็ดเดี่ยวในการต่อสู้ เพื่อสังหารพวกจักรวรรดิให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ และเพื่อป้องกันพวกมันไม่ให้เข้าไปทำอันตรายพระนาง

ขณะที่ธอร์ยืนอยู่ตรงนั้นเขาสามารถสัมผัสได้ถึง ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของเหล่าพี่น้องที่ไม่มีความเกรงกลัวใดใดทั้งสิ้นพวกเขาทุกคนยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความกล้าหาญยืนประจำตำแหน่งของตนพวกเขาเหล่านี้คือยอด ทหารฝีมือดีที่สุดแห่งอาณาจักรวงแหวน เป็นอัศวินที่เยี่ยมยอดที่สุดของกองรบเงิน กองรบแม็คกิล และจากกองพลทหารซิเลเซียน พวกเขาทั้งหมดรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีใครขยับถอยหนีเพราะความกลัว ไม่ว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร พวกเขาทุกคนก็เตรียมตัวที่จะสละชีวิตเพื่อปกป้องบ้านเกิดเมืองนอน พวกเขาทุกคนให้ความสำคัญกับเกียรติยศและอิสรภาพเหนือกว่าการมีชีวิต

ธอร์ได้ยินเสียงแตรดังมาจากจักรวรรดิดังไล่ขึ้นมาตามแถว เขาเห็นทหารเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนที่เดินเรียงแถวอย่างแม่นยำในแต่ละหน่วย นี่คือทหารที่ผ่านการฝึกฝนให้อยู่ในระเบียบ ทหารที่มีผู้บัญชาการที่ไร้ความปรานี ซึ่งผู้ที่พร้อมต่อสู้สังเวยชีวิตทหารที่มีอยู่ทั้งหมด มันเปรียบเหมือนเครื่องจักรที่หล่อลื่นมาอย่างดี ที่พวกเขาถูกฝึกฝนมาให้สานต่ออุดมการณ์ต่อไป แม้ว่าผู้นำสูงสุดจะจบชีวิตลงแล้ว ผู้บัญชาการคนใหม่ที่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งก็ก้าวเข้ามานำกองทัพทั้งหมด ทหารของพวกเขามีขนาดใหญ่และมีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ธอร์รู้ว่าไม่มีหนทางใดที่พวกนั้นจะพ่ายแพ้แก่ทัพของเขาที่มีทหารจำนวนน้อยกว่า แต่นั่นมันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว มันไม่สำคัญว่าพวกเขาจะอยู่หรือตาย สิ่งที่สำคัญคือพวกเขาจะตายอย่างไร พวกเขาเลือกที่จะตายอยู่บนลำแข้ง ตายอย่างลูกผู้ชายผู้ทรนงสำหรับการโจมตีครั้งสุดท้าย

"เราจะรอให้พวกมันมาถึงเราหรือไม่?" อีเร็คถามขึ้นเสียงดัง "หรือเราจะส่งการต้อนรับจากแม็คกิลไปให้มัน?"

ธอร์ยิ้มขึ้นมาพร้อมกับคนอื่นๆ มันไม่มีอะไรเหมือนกับกองทัพเล็กๆที่เข้าจู่โจมกองทัพขนาดมหึมา มันเป็นความสะเพร่าแต่ก็แฝงไปด้วยความกล้าหาญอันสูงส่ง

ทันใดนั้น ธอร์และสหายทุกคนต่างปลดปล่อยเสียงร้องแห่งการประจัญบาน พวกเขารวมกันเป็นหนึ่งเดียว และต่างก็รี่เข้าไปจู่โจม เร่งไปด้วยเท้าทั้งสอง รีบเร่งเข้าไปปิดระยะทางระหว่างกองทัพทั้งสอง เสียงร้องแห่งการประจันบานดังกึกก้องไปทั่ว ส่วนกองพลที่เหลือก็ตามมาอยู่ข้างหลัง ธอร์ยกดาบขึ้นสูง และวิ่งไปเคียงข้างกับพี่น้องทหารด้วยหัวใจที่เต้นระทึก สายลมเย็นเยือกพัดผ่านสัมผัสกับใบหน้าของเขา นี่มันคือความรู้สึกของการต่อสู้ มันทำให้เขาย้อนคิดไปถึงความรู้สึกของการได้มีชีวิตอยู่ว่าเป็นอย่างไร

ทั้งสองกองทัพพร้อมเข้าจู่โจม ต่างก็รี่เข้าหากันด้วยความเร็ว เตรียมพร้อมที่จะฆ่าสังหารอีกฝ่าย ในช่วงเวลาที่พวกเขาพบกันยังใจกลางสนามรบ เสียงอาวุธที่กระทบกันก็ดังสนั่นไปทั่ว

ธอร์ตีฝ่าออกไปจนเจ้าไปอยู่ยังศูนย์หน้าของทหารจักรวรรดิซึ่งถืออาวุธเป็นหอกยาว หลาวและทวน ธอร์ฟันหลาวขาดออกครึ่งหนึ่ง จากทหารเข้ามาปะทะเขา จากนั้นจึงแทงเข้าตรงช่องท้องของเขา

ธอร์หลบและเบี่ยงตัวออกไปจากปลายของทวนที่แทงมายังเขาทีละหลายๆอัน เขาเหวี่ยงดาบออกไปหมุนวนไปในทุกทิศทาง ฟันลงยังอาวุธเหล่านั้นให้ขาดออกเป็นครึ่ง พร้อมกับเสียงของมันที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ เขาทั้งเตะและใช้ศอกกระทุ้งกับทหาร ให้ออกไปจากทางของเขา  เขาใช้หลังมือที่สวมถุงมือเหล็กยาวกระแทกยังศัตรู เขาเตะอีกคนหนึ่งเข้าที่ขาหนีบ ใช้ศอกกระทุ้งอีกคนที่ขากรรไกร ใช้หัวขวิดชนเข้ากับอีกคน แทงเข้ากับอีกคนหนึ่ง หมุนเหวี่ยงตัวฟาดดาบลงอีกคนหนึ่ง เขาเข้ามาใกล้กับค่ายทหารแล้ว ธอร์เหมือนเป็นหนึ่งเครื่องจักรติดพลังจากคนไปเดียวที่กรุยทางอันมโหฬารตัดผ่านไปด้วยพละกำลังอันมหาศาล

รอบๆ ตัวเขาเหล่าพี่น้องกองรบก็กระทำเช่นเดียวกัน พวกเขาต่อสู้ด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ พร้อมกับประสิทธิภาพและพละกำลังอันมหาศาลกับจิตวิญญาณอันสูงส่ง แม้ว่าศัตรูจะมีจำนวนเหนือกว่ามาก แต่พวกเขาก็โผทะยานเข้าไปสู้กับกองทัพที่มีขนาดมโหฬาร ฟาดฟันตัดผ่านแถวทหารจักรวรรดิมากมายที่ดูเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด ไม่มีผู้ใดรู้สึกลังเลหรือถอยหนีไปไหน

รอบๆ ตัวธอร์ ทหารนับพันๆ นายเข้าปะทะกับทหารจำนวนหลายพันของอีกฝ่าย พวกทหารต่างกรีดร้อง ส่งเสียงคำราม เมื่อเข้าต่อสู้ปะทะกันตัวต่อตัวในสงครามอันร้ายแรงขนาดใหญ่ มันเป็นศึกสงครามที่ตัดสินชะตากรรมของอาณาจักรวงแหวน และแม้ว่ากองกำลังอีกฝ่ายจะมีขนาดกองกำลังที่เหนือกว่ามาก แต่ทหารจากอาณาจักรวงแหวนก็เป็นต่อด้วยการฝ่าไล่อีกฝ่ายให้ร่นถอยไป

ธอร์ฉวยคว้าเอาไม้หวดจากมือของทหารจักรวรรดิ แล้วเตะเขาไปด้านหลัง จากนั้นจึงเหวี่ยงไม้ไปรอบๆ และตีเข้ากับทหารคนหนึ่งเขาที่ด้านข้างของหมวกอัศวิน ธอร์เหวี่ยงมันขึ้นสูงเหนือหัวเป็นวงกลม แล้วจึงล้มทหารลงได้อีกหลายนาย

จากนั้นธอร์จึงยกดาบขึ้นแล้วฟาดฟัน สู้กันตัวต่อตัว ฟันดาบไปในทุกทิศ จนกระทั่ง แขนและหัวไหล่ของเขาเริ่มอ่อนล้า ณ ขณะหนึ่ง การเคลื่อนไหวของเขาได้ชะลอตัวช้าลง จนเมื่อนายทหารคนหนึ่งโผเข้ามา พร้อมกับยกดาบขึ้นสูง ธอร์หันมาเผชิญหน้ากับเขา แต่มันก็สายเกินไปแล้ว ธอร์พยายามทำใจการอรับการฟันลงมากับความเจ็บปวดที่กำลังจะมาถึง

ธอร์ได้ยินเสียงคำรามดังขึ้น และโครห์นก็ส่งเสียงอยู่ใกล้ๆ เขากระโจนขึ้นในอากาศ แล้วฝังเขี้ยวลงยังลำคอของทหารนั่น ฉุดเขาล้มลงและได้ช่วยเหลือชีวิตของธอร์เอาไว้

การต่อสู้ผ่านไปเป็นเวลาหลายชั่วโมง ช่วงต้นของการต่อสู้นั้นธอร์รู้สึกปลุกใจจากการที่เขาเอาชนะมาได้ แต่เพียงไม่นาน มันก็เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ครั้งนี้เป็นหนทางอันไร้ประโยชน์ มันกินเวลานานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าพวกเขาจะสังหารทหารไปได้สักเท่าไหร่ เส้นขอบฟ้านั่นก็ยังคงเต็มไปด้วยแถวของทหารจักรวรรดิที่ไม่มีที่สิ้นสุด ในขณะที่ธอร์และคนอื่นๆเริ่มรู้สึกอ่อนล้า แต่ทหารจักรวรรดิที่เข้ามาใหม่มีเรี่ยวแรงมีความสดใหม่และหลั่งไหลกันมาอย่างไม่ขาดสาย

ธอร์กำลังสูญเสียโมเมนตัม เขาไม่สามารถปัดป้องอาวุธได้เร็วอย่างที่เคย ทันใดนั้น ดาบอันหนึ่งก็ฟันเข้าที่หัวไหล่ของเขา ธอร์ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อมีเลือดไหลทะลักจากแขนของเขา จากนั้นเขาก็ถูกศอกกระทุ้งเข้ายังซี่โครง และมีขวานศึกที่พร้อมจะฟาดตรงลงมายังเขา ซึ่งธอร์ก็ยกโล่ขึ้นบังเอาไว้ ซึ่งหากเขายกโล่ขึ้นมาช้าไปเพียงแค่วินาทีมันก็จะไม่ทันการณ์

ธอร์เริ่มจะยอมจำนน เขามองไปรอบๆ ก็เห็นว่าคนอื่นๆ ก็เป็นไปในลักษณะเดียวกัน สมรภูมิกำลังเปลี่ยนทิศอีกครั้ง โสตประสาทของธอร์กำลังเต็มไปด้วยเสียงร้องแห่งความตายจากทหารของเขาที่เริ่มล้มตายเรื่อยๆ หลังจากการต่อสู้มาหลายชั่วโมงพวกเขาก็เริ่มพ่ายแพ้จนในที่สุดพวกเขาก็จะถูกกำจัดจนสิ้นเขานึกถึงราชินีเกว็นโดลีนและเขาก็ปฏิเสธที่จะยอมรับชะตากรรมเช่นนั้น

ธอร์เงยหน้าขึ้นไปมองยังสรวงสวรรค์ เขาพยายามอย่างเต็มกำลังที่จะรวบรวมขอพลังอำนาจใดๆ ที่เขายังคงพอมีเหลืออยู่ แต่พลังดรูอิด ของเขาก็ไม่ตอบสนอง เขาได้สูญเสียพลังมากเกินไป ในช่วงเวลาที่เขาอยู่กับแอนโดรนิคัส เขารับรู้มันได้ เขาต้องการเวลาสำหรับเยียวยารักษา เขาสังเกตดูอาร์กอนที่อยู่ในสมรภูมิ และพบว่าเขาก็ไม่มีพลังมากอย่างที่เคย หลังจากที่ต่อสู้กับราฟี ส่วนอลิสแตร์ก็ดูเหนื่อยอ่อนเช่นกัน พลังของเธอได้ถูกใช้ไปในการคืนชีพให้กับอาร์กอน พวกเขาไม่มีแผนสำรองอื่นใด นอกไปจากพละกำลังจากศาตราวุธ

ธอร์แหงนหน้าขึ้นไปยังสรวงสวรรค์พร้อมปล่อยเสียงกู่ร้องประจัญบานด้วยความสิ้นหวัง เขาพร้อมแล้วสำหรับสิ่งที่แปลกออกไป สำหรับบางสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลง

ได้โปรดเถิดพระผู้เป็นจ้า เขาสวดภาวนา ข้าขอร้องให้พระองค์ให้ทรงช่วยเหลือพวกเราทั้งหมดในวันนี้ ข้าขอพึ่งพิงพระองค์ ไม่ใช่กับมนุษย์ผู้ใด ไม่ใช่พลังอำนาจของข้า แต่เป็นพลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า ได้โปรดส่งสัญญาณแสดงพระอำนาจแห่งพระองค์ด้วยเถิด

ทันใดนั้น ธอร์ถึงกับต้องตกตะลึง เมื่อทั่วทั้งบรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงคำรามที่ดังสนั่นหวั่นไหว มันเป็นเสียงดังที่เหมือนจะแยกทั้งสรวงสวรรค์ออกจากกัน

หัวใจของธอร์เต้นระรัวขึ้นในทันใดเมื่อเขาจำเสียงนั้นได้ เขามองขึ้นไปท้องฟ้าและเห็นเพื่อนของเขาโผบินตัดหมู่เมฆให้แยกจากกัน นั่นคือ ไมโครเพิล ธอร์รู้สึกตกตะลึงอย่างสุดขีดและทั้งสุขใจที่เห็นว่าไมโครเพิลยังมีชีวิตอยู่ ที่เห็นว่านางเป็นอิสระ และที่นางได้กลับมายังอาณาจักรวงแหวนอีกครั้ง บินกลับมาหาเขา มันรู้สึกเหมือนส่วนหนึ่งของเขาที่ขาดหายไปได้ย้อนคืนกลับมา

ที่น่าแปลกใจมากไปกว่านั้นคือ ธอร์เห็นมังกรตัวที่สอง เขาเป็นมังกรตัวผู้ที่ดูสูงวัย เขามีเกล็ดสีแดงซีด รูปร่างใหญ่โต มีดวงตาเรืองแสงสีเขียวและดูท่าทางดุร้ายกว่าไมโครเพิล ธอร์มองพวกเขาทะยานในอากาศ บินผ่านเข้าออกหมู่เมฆและโฉบพุ่งตัวตรงลงมาหาเขา ธอร์รับรู้ว่าคำอธิษฐานของเขาได้รับการตอบรับแล้ว

ไมโครเพิลยกปีกของนางขึ้น พร้อมกับโก่งคอไปด้านหลังและกรีดร้อง และมังกรที่อยู่ข้างๆ ก็ทำเช่นเดียวกัน พวกเขาทั้งสองพ่นกำแพงแห่งไฟลงใส่ทัพจักรวรรดิทั้งงกองทัพ ไฟลุกโชนสว่างไสวไปทั้งฟ้า วันอันหนาวเย็นกลายเป็บอบอุ่นในทันที แล้วจึงกลับกลายเป็นเร่าร้อน กำแพงไฟอันร้อนระอุแล้วระลอกเล่าหมุนวนเป็นเกลียวโหมเข้าใส่กองทัพ ธอร์ยกแขนขึ้นกำบังใบหน้าของเขา

พวกมังกรโจมตีมาจากด้านหลัง เปลวเพลิงจึงไม่เข้ามาถึงตัวธอร์ แต่กระนั้น กำแพงแห่งไฟก็อยู่ใกล้เขาพอที่จะทำให้ธอร์รู้สึกถึงความร้อน ขนแขนของเขาถูกเผาจนไหม้

เสียงร้องของทหารหลายพันดังขึ้นสู่ฟากฟ้า ในขณะที่กองทัพของจักรวรรดิทีละหน่วยๆ ถูกเผาไปทีละกองๆ ทหารนับหมื่นๆ ต่างกรีดร้องด้วยชีวิต พวกเขาพากันวิ่งหนีแต่ไม่มีที่ใดจะหนีไปได้พ้น พวกมังกรไม่ปราณีผู้ใด พวกเขากำลังออกอาละวาดและกำลังเต็มไปด้วยความเดือดดาล และพร้อมแล้วสำหรับการแก้แค้นให้พวกจักรวรรดิถึงแก่ความหายนะ

ทหารจักรวรรดิอีกหน่วยและต่อไปอีกทีละหน่วยต่างพากันทุลักทุเลล้มคว่ำไปกับพื้นและถึงแก่ความตาย

ทหารที่ยังเหลืออยู่ก็เข้าเผชิญหน้ากับธอร์อย่างลนลานและเผ่นหนีไป พวกเขาพยายามหาทางหนีมังกรทั้งสองที่บินสลับกับไปมาในท้องฟ้าและพ่นไฟลงมาทั่วพื้นที่ แต่พวกนั้นก็ได้แต่วิ่งเข้าไปหาความตายของตนเอง เมื่อพวกมังกรไม่ประสงค์ให้เหลือผู้ใดไว้และยังพยายามที่จะกำจัดพวกเขาให้สิ้นซากในคราเดียว

ในไม่ช้า ธอร์ก็พบว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับทุ่งที่ว่างเปล่าที่เต็มไปด้วยควันไฟสีดำ กลิ่นของเนื้อหนังที่เผาไหม้อบอวลไปทั่วจากลมหายใจของมังกร และกลิ่นของกำมะถัน เมื่อก้อนเมฆยกตัวสูงขึ้น พวกเขาก็สามารถมองเห็นพื้นที่ข้างหน้าพวกเขาได้ชัดขึ้น พื้นที่ว่างเปล่าที่ถูกเผาจนไหม้เกรียม ไม่มีผู้ใดรอดชีวิต ทั้งต้นหญ้าและต้นไม้ต่างกลับกลายเป็นเถ้าถ่านและเป็นรอยไหม้สีดำ ทหารจักรวรรดิที่พวกเขาไม่อาจจะเอาชนะได้เมื่อไม่กี่นาทีก่อน ตอนนี้หายสาบสูญไปหมดแล้ว

ธอร์ยังคงยืนนิ่งอย่างตะลึงงันพร้อมกับความปิติสุข เขายังคงมีชีวิตอยู่ พวกเขาทั้งหมดรอดชีวิต อาณาจักรวงแหวนเป็นอิสระแล้ว ในที่สุด พวกเขาก็ได้รับอิสรภาพ

ไมโครเพิลโฉบตัวลงมาและนั่งอยู่ด้านหน้าธอร์ นางลดหัวต่ำลงและปล่อยเสียงออกจากจมูกอย่างแรง

ธอร์ยิ้มรับและก้าวมาข้างหน้าให้เพื่อนเก่า ส่วนไมโครเพิลก็ลดหัวต่ำลงจนจรดกับพื้นและส่งเสียงครางอย่างแผ่วเบา ธอร์ลูบนางตรงเกล็ดบนใบหน้า นางชะโงกหน้าเข้ามาแล้วถูไถจมูกลงกับแผ่นอกของเขา มันเห็นได้ชัดว่านางมีความสุขอย่างล้นเหลือที่ได้เจอกับธอร์อีกครั้ง มันก็เหมือนกับกับธอร์ที่ปิติอย่างยิ่งที่ได้พบกับนาง

ธอร์ขึ้นขี่หลังนางและหันมาทางกองทัพของเขา ทหารหลายพันนายต่างจ้องกลับมาอย่างสงสัยและมองมาอย่างเบิกบานใจ ในขณะที่ธอร์ชูดาบของเขาขึ้น

พวกทหารต่างพากันชูดาบและส่งเสียงโห่ร้องมาให้เขา จนในที่สุด ทั่วทั้งฟ้าก็อื้ออึงไปด้วยเสียโห่งร้องแห่งชัยชนะ

1
...