Читать книгу «ประทานพรแห่งสรรพาวุธ เล่ม 8 ในชุด วงแหวนของผู้วิเศษ» онлайн полностью📖 — Моргана Райс — MyBook.
cover

มอร์แกน ไรซ์
ประทานพรแห่งสรรพาวุธ

ประทานพรแห่งสรรพาวุธ
(เล่ม 8 ในชุดวงแหวนของผู้วิเศษ)

มอร์แกน ไรซ์

แปลโดย
สาวิตรี เด่นวานิช
ประวัติ มอร์แกน ไรซ์

มอร์แกน ไรซ์ เป็นผู้แต่งหนังสือขายดีอันดับ 1 และเป็นผู้แต่งมหากาพย์แฟนตาซีที่ขายดีที่สุดใน USA Today นิยายชุดวงแหวนของผู้วิเศษ จำนวน 17 เล่ม นิยายชุดขายดีอันดับ 1 บันทึกของแวมไพร์ จำนวน 11 เล่ม (และยังมีเล่มต่อไป) นิยายชุดขายดีอันดับ 1 เรื่อง THE SURVIVAL TRILOGY เรื่องราวระทึกขวัญหลังวันโลกาวินาศ (และยังมีเล่มต่อไป) และนิยายชุดเรื่องราวแฟนตาซีใหม่ล่าสุด กษัตริย์และผู้วิเศษ จำนวน 6 เล่มหนังสือของมอร์แกนมีทั้งรูปแบบเสียงและสิ่งพิมพ์ และได้รับการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ มากกว่า 25 ภาษา

มอร์แกน ยินดีรับฟังความคิดเห็นของคุณ โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.morganricebooks.com เพื่อสมัครรับข่าวสารทางอีเมล พร้อมรับหนังสือฟรีและของรางวัลมากมาย สามารถดาวน์โหลดแอปฟรี เพื่อรับข่าวสารล่าสุด หรือเชื่อมต่อกับ Facebook และ Twitter โปรดติดตาม!

คำนิยมสำหรับ มอร์แกน ไรซ์

“วงแหวนของผู้วิเศษ  มีส่วนผสมทุกอย่างของการประสบความสำเร็จทันที ไม่ว่าจะเป็นโครงเรื่องหลัก โครงเรื่องย่อย ความลึกลับ อัศวินผู้กล้าหาญ ความสัมพันธ์ที่เบ่งบานพร้อมกับการอกหัก การหลอกหลวงและการทรยศ มันจะทำให้คุณเพลิดเพลินได้หลายชั่วโมง และเป็นที่ชื่นชอบของทุกวัย แนะนำให้มีประจำไว้ในห้องสมุดสำหรับคอนักอ่านเรื่องแฟนตาซี”

–-Books and Movie Reviews, Roberto Mattos

“นิยายมหากาพย์แฟนตาซีที่น่าสนุกสนาน”

–-Kirkus REviews

“จุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่น่าดึงดูดใจ”

–– San Francisco Book Review

“อัดแน่นไปด้วยการผจญภัย…งานเขียนของไรซ์ช่างเข้มข้นและวางโครงเรื่องอย่างมีเหตุมีผล”

–– Publishers Weekly

“นิยายแฟนตาซีที่สร้างแรงบันดาลใจ เป็นจุดเริ่มต้นของมหากาพย์นิยายสำหรับวัยรุ่นที่เหมาะสม”

–– Midwest Book Review

หนังสือของ มอร์แกน ไรซ์

กษัตริย์และผู้วิเศษ
กำเนิดราชันย์มังกร (เล่ม 1)
กำเนิดความกล้าหาญ (เล่ม 2)
เกียรติยศอันยิ่งใหญ่ (เล่ม 3)

ชุด วงแหวนของผู้วิเศษ
เส้นทางแห่งวีรบุรุษ (เล่ม 1)
การเดินทางแห่งราชา (เล่ม 2)
ชะตาแห่งมังกร (เล่ม 3)
เสียงร่ำร้องแห่งเกียรติยศ (เล่ม 4)
คำปฏิญาณแห่งศักดิ์ศรี (เล่ม 5)
หน้าที่ของผู้กล้า (เล่ม 6)
อำนาจแห่งดาบ (เล่ม 7)
ประทานพรแห่งสรรพาวุธ (เล่ม 8)
นภาแห่งเวทมนตร์ (เล่ม 9)

บันทึกของแวมไพร์
กลายร่าง (เล่ม 1)
ความรัก (เล่ม 2)
การทรยศ (เล่ม 3)

ลิขสิทธิ์ © 2013 โดย มอร์แกน ไรซ์

สงวนลิขสิทธิ์ ยกเว้นที่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ ของสหรัฐฯ พ.ศ. 2519 ห้ามนำส่วนใดของการเผยแพร่นี้ไปทำซ้ำ แจกจ่ายหรือถ่ายทอดในรูปแบบใด ๆ หรือโดยความหมายใด ๆ หรือเก็บบันทึกเป็นข้อมูล หรือระบบสืบค้น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียน

หนังสือ ebook นี้ อนุญาตเพื่อความบันเทิงส่วนตัวของคุณเท่านั้น และ ebook เล่มนี้ไม่อาจนำไปขายซ้ำ หรือยกให้ผู้อื่น หากคุณต้องการแบ่งปันหนังสือเล่มนี้กับผู้อื่น ขอความกรุณาซื้อเพิ่มใหม่เป็นส่วนตัว หากคุณกำลังอ่านหนังสือเล่มนี้ และไม่ได้ซื้อ หรือไม่ได้ซื้อในนามของคุณ ขอความกรุณาส่งคืนและดำเนินการซื้อในนามของคุณ ขอบคุณที่ให้ความเคารพในการทำงานอย่างหนักของผู้เขียน

หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องที่ แต่งขึ้น ชื่อ ตัวละคร ธุรกิจ องค์กร สถานที่ สถานการณ์ และเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน หรือเป็นการ แต่งขึ้น ความคล้ายคลึงใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลจริง ทั้งที่ยังมีชีวิตหรือเสียชีวิตไปแล้ว เป็นความบังเอิญทั้งสิ้น

Jacket image Copyright RazoomGame, used under license from Shutterstock.com.

 
“เกียรติของข้าเปรียบได้ดั่งชีวิต ร่วมรวมกันเป็นหนึ่ง
เมื่อเอาเกียรติแห่งข้าไป ชีวิตนี้ย่อมดับสูญ”
 
--วิลเลียม เชคสเปียร์
ริชาร์ด เล่มที่สอง


บทที่ หนึ่ง

พระนางเกว็นโดลีนทรงมุ่งหน้าฝ่าสายลมหนาวที่โหมเข้าตีกระหน่ำปะทะกับพระวรกาย ในขณะที่พระองค์ทรงประทับยืนบริเวณขอบเหวของหุบขาใหญ่ พระนางทรงย่างพระบาทไปยังสะพานโค้งที่จะใช้ข้ามไปทางเหนือ สะพานในสภาพง่อนแง่นอันนี้ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง มันเป็นสะพานที่ประกอบขึ้นจากเชือกกับไม้เสื่อมๆและแผ่นไม้กระดานผุๆ สภาพของมันดูไม่น่าจะรองรับน้ำหนักอะไรไว้ได้ พระนางเกว็นถึงกลับผงะ เมื่อทรงเริ่มก้าวพระบาทแรกลงไป

พระนางเกว็นทรงลื่นไถลไปตามทาง พระองค์งทรงพยายามที่จะยึดเข้ากับราวสะพานเอาไว้ สะพานยังคงแกว่งไกวและมันดูเป็นการยากที่มันรับน้ำหนักของพระองค์เอาไว้ได้ พระทัยของพระนางทรงดับวูบ เมื่อทรงเห็นว่าสะพานที่มีสภาพอันเปราะบางนี้เป็นเพียงหนทางเดียวที่จะนำไปพระองค์สู่ด้านเหนือของหุบเขาใหญ่ได้ เพื่อนำพระองค์เข้าสู่ยังดินแดนนีเธอร์เวิลด์และเพื่อออกตามหาอาร์กอน พระองค์สามารถทอดพระเนตรเห็นดินแดนนีเธอร์เวิร์ลได้จากในระยะไกล ในขณะที่หิมะโปรยปรายตกลงเป็นสายอย่างนี้ การข้ามผ่านสะพานนี้ไปยิ่งดูเหมือนเป็นลางร้าย

ลมกรรโชกแรงพัดเข้ามาอย่างกระทันหัน มันทำให้เชือกแกว่งอย่างรุนแรง พระนางเกว็นเอื้อมพระหัตถ์ทั้งสองเข้าจับกับราวสะพาน พร้อมทรุดพระวรกายบนลงพระชานุ ในชั่วขณะหนึ่ง พระองค์มิทรงทราบว่าจะสามารถยึดมันอยู่หรือจะทรงข้ามมันไปได้ พระองค์ทรงตระหนักดีว่านี่เป็นเรื่องที่อันตรายเกินว่าที่พระองค์เคยทรงคาดคิดไว้ และพวกเขาทั้งหมดก็ต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อลองทำในภารกิจนี้

"ฝ่าบาท?" เสียงหนึ่งเรียกขึ้นมา

พระนางเกว็นทรงหันไป ทอดพระเนตรเห็นอะเบอร์ธอลที่ยืนอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ฟุต เขาอยู่เคียงข้างกับสเต็ฟเฟน อลิสแตร์และโครห์น พวกเขาทั้งหมดรอคอยที่จะติดตามพระองค์ไป พวกเขาทั้งห้าคนได้รวมกลุ่มกัน มันดูเป็นการรวมตัวกันที่ไม่เหมือนใครที่ต้องมาอยู่ยังอีกฝั่งหนึ่งบนโลกนี้ เพื่อเตรียมตัวเข้าเผชิญหน้ากับอนาคตที่ไม่แน่นอนและความตายที่รออยู่ ณ เบื้องหน้า

"เราต้องข้ามสะพานนี่จริงๆหรือ?" เขาถาม

พระนางเกว็นโดลีนทรงหันกลับไป และทอดพระเนตรมองไปยังสายลมพร้อมกับหิมะที่โหมตีกระหน่ำอยู่เบื้องหน้า และทรงดึงผ้าขนสัตว์ที่พันอยู่รอบพระอังสาให้แน่นขึ้น ในขณะที่พระวรกายหนาวสั่น พระองค์ทรงปิดบังความจริงว่า ตามจริงแล้วพระองค์ไม่ได้ทรงต้องการที่จะข้ามสะพานไปเลย พระองค์ไม่ได้ทรงปรารถนาที่จะเดินทางในครั้งนี้อย่างสิ้นเชิง พระองค์ทรงปรารถนาที่จะหวนกลับไปยังที่สถานที่ปลอดภัย กลับไปยังบ้านเกิดเมื่อในครั้นยามเยาว์วัยคือพระราชวัง เพื่อประทับนั่งอย่างอบอุ่นสบายภายใต้กำแพงหนา ประทับอยู่หน้ากองไฟและไม่ต้องมาคอยระลึกถึงอันตรายใดๆ ทั้งปวง หรือนึกถึงสิ่งใดที่จะทำให้ทรงวิตกกังวลที่พากันประดังเข้ามาอยู่ในขณะนี้ นับตั้งแต่พระองค์ได้ทรงขึ้นครองราชย์เป็นพระราชินี

แต่ตามจริงแล้ว พระองค์ทรงไม่สามารถกระทำเช่นนั้นได้ ไม่มีพระราชวังอีกแล้ว ชีวิตยามเยาว์วัยได้ผ่านพ้นไปแล้วและพระองค์ทรงเป็นพระราชินีแล้ว อีกทั้งในขณะนี้พระนางก็ทรงมีว่าที่พระโอรสน้อยที่รอคอยการดูแลและมีทั้งว่าที่พระสวามีที่ยังคงอยู่ที่ไหนสักแห่ง และพวกเขาก็ต้องการตัวพระนาง สำหรับธอร์กรินแล้วหากมีความจำเป็น พระนางก็สามารถเสด็จเข้าสู่กองไฟให้เขาได้ พระนางเกว็นทรงรู้สึกมั่นพระทัยว่า มันเป็นเรื่องที่ต้องกระทำ พวกเขาทุกคนต่างก็ต้องการตัวอาร์กอน ไม่ใช่มีเพียงพระองค์เองหรือธอร์เท่านั้น แต่เป็นอาณาจักรวงแหวนทั้งหมด พวกเขาไม่ได้เพียงจะต้องต่อกรกับแอนโดรนิคัส แต่ยังคงต่อสู้กับเวทมนตร์ที่มีอำนาจแข็งแกร่ง ซึ่งมันมีอำนาจพอที่จะหลอกให้ธอร์ติดกับ และหากไม่มีอาร์กอน พระนางทรงไม่ทราบว่าพวกเขาจะสามารถต่อสู้ผ่านพ้นมันไปได้อย่างไร

"ใช่" พระนางตรัสตอบ "เราต้องไป"

พระนางเกว็นทรงเตรียมตัวที่จะก้าวไปข้างหน้า แต่เวลานี้ สเต็ฟเฟนเร่งมาข้างหน้าและขวางเธอเอาไว้

"ฝ่าบาท ได้โปรดให้ข้าพระองค์ได้นำทางไปก่อนเถิด" เขากล่าว "เราไม่รู้ว่ามีความน่ากลัวอะไรรอเราอยู่บนสะพานแห่งนี้"

พระนางเกว็นโดลีนรู้สึกประทับใจจากการขันอาสาของเขา แต่ทรงเอื้อมพระหัตถ์ผลักเขาออกไปด้านข้างอย่างแผ่วเบา

"ไม่" พระนางตรัส "ข้าสมควรไป"

พระองค์ทรงไม่รอช้า ทรงก้าวไปข้างหน้าและทรงจับเข้ากับเชือกของราวสะพานอย่างมั่นคง

ขณะที่พระนางทรงก้าวไปได้หนึ่งก้าว ทรงรู้สึกชะงักโดยความหนาวเย็นยะเยือกของน้ำแข็งที่ผ่านเข้ามาสู่พระหัตถ์ ความรู้สึกสะท้านจากความเหน็บหนาวรี่ตรงเข้ามาสู่ฝ่าพระหัตถ์และพระกร พระองค์ทรงสูดหายใจลึก ไม่แน่พระทัยว่าพระองค์จะสามารถยืนหยัดอยู่ได้

ลมกระโชกแรงเข้ามาอีกระลอกหนึ่ง มันพัดจนสะพานแกว่งไกวไปมาทำให้พระนางต้องบีบพระหัตถ์จับราวสะพานให้แน่นขึ้นและอดทนกับความเจ็บปวดที่มาจากน้ำแข็ง พระนางทรงพยายามต่อสู้ที่จะทรงตัวอย่างเต็มกำลัง ขณะที่พระบาทลื่นไถลอยู่บนแผ่นกระดานที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง สะพานถูกแกว่งอย่างแรงไปทางซ้าย และชั่วขณะนั้นเอง พระนางทรงแน่พระทัยว่าจะต้องตกลงไปจากด้านข้างสะพาน แต่สะพานก็ปรับสมดุล โดยเหวี่ยงตัวแกว่งกลับมาอยู่อีกด้านหนึ่ง

พระนางทรงสุดอยู่บนพระชานุอีกครั้งพระองค์ทรงเดินทางไปได้ไม่เกินสิบฟุตและทรงรู้สึกว่าพระทัยในทรวงอกถูกตีกระหน่ำอย่างแรง จนพระองค์แทบจะไม่สามารถหายใจได้ และพระหัตถ์ก็รู้สึกชาจนแทบไม่หลงเหลือความรู้สึก

พระนางทรงปิดพระเนตรและทรงสูดหายใจเข้าลึก ทรงนึกถึงธอร์ พระองค์นึกถึงภาพใบหน้าของเขาในทุกมุมมอง พระองค์ทรงหวนระลึกถึงความรักที่พระนางมีต่อเขา ความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะปลดปล่อยเขา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

พระนางเกว็นโดลีนทรงเปิดพระเนตรและบังคับพระวรกายให้ก้าวไปครั้งหน้าอีกหลายก้าว พระองค์ทรงยึดเชือกสะพานไว้แน่นและตั้งมั่นว่าจะไม่หยุดภารกิจในครั้งนี้ ไม่ว่าอะไรก็ตาม แม้จะมีทั้งสายลมและหิมะที่สามารถดันพระนางให้จมลึกไปยังก้นบึ้งของหุบเขา แต่พระองค์มิได้ทรงใส่พระทัย มันไม่เกี่ยวกับตัวพระนางอีกแล้ว มันเกี่ยวกับความรักในชีวิตของพระองค์ เพื่อเขาแล้วพระนางสามารถทำได้ทุกสิ่งไม่ว่าอะไรก็ตาม

พระนางเกว็นโดลีนรู้สึกถึงน้ำหนักที่เปลี่ยนไปจากสะพานด้านหลังของพระองค์และทรงชำเลืองเห็นสเต็ฟเฟน อะเบอร์ธอล อลิสแตร์และโครห์นตามมาด้านหลัง โครห์นลื่นไถลอยู่บนฝ่าเท้าของเขา ในขณะที่เขาพยายามเร่งฝีเท้าผ่านคนอื่นๆ ที่โซเซไปมาจนกระทั่งมาอยู่ด้านข้างของพระนางเกว็นโดลีน

"ข้าไม่รู้ว่าจะทำมันได้ไหม" อะเบอร์ธอลตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งขืน หลังจากกาวเดินไม่กี่ก้าวด้วยอาการสั่นเทา

เขายืนอยู่ตรงนั้น ลำแขนสั่นระริก ขณะที่กำลังพยายามยึดเชือกไว้แน่น เขาเป็นชายแก่ที่อ่อนกำลังที่แทบจะไม่สามารถจะยืนหยัดอยู่ได้

"ท่านทำมันได้แน่" อลิสแตร์กล่าวเดินก้าวเข้ามาอยู่ด้านข้างเขาแล้ว เอาแขนโอบล้อมช่วงเอวของเขาไว้ "ข้าอยู่ตรงนี้ อย่ากังวลไปเลย"

อลิสแตร์เดินไปกับเขา ช่วยให้เขาก้าวไปข้างหน้า ในขณะที่ทั้งกลุ่มกลับมาเดินอีกครั้งมุ่งหน้าไปไกลขึ้น ไปตามทางเดินบนสะพาน เดินไปทีละก้าวๆ

พระนางเกว็นรู้สึกประหลาดใจอีกครั้งกับพละกำลังของอลิสแตร์ในการเผชิญหน้ากับความลำบาก อารมณ์สงบดูเป็นธรรมชาติ ความปราศจากความกลัวใดๆของเธอ แล้วมันเหมือนกับว่าเธอสามารถปล่อยผ่านพลังออกมาอย่างที่พระนางเกว็นโดลีนไม่อาจเข้าใจได้ พระนางไม่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมพระองค์จึงรู้สึกใกล้ชิดกับนางเช่นนี้ มันเป็นเวลาเพียงสั้นๆ ที่พระนางได้รู้จักกับเธอและทรงรู้สึกราวกับว่าเธอเป็นเหมือนน้องสาว ทรงรู้สึกถึงความแข็งแกร่งจากการที่มีเธออยู่ตรงหน้า รวมไปถึงสเต็ฟเฟน

สายลมได้สงบนิ่งลงและพวกเขาก็ได้มีช่วงเวลาดีดีพักหนึ่ง ภายในไม่ช้า พวกเขาก็เข้ามาถึงจุดกึ่งกลางของสะพานและสามารถเดินทางได้เร็วขึ้น ในตอนนี้พระนางเกว็นเริ่มรู้สึกคุ้นเคยกับแผ่นไม้กระดานอันแสนลื่นนี้  ภาพของอีกฟากฝั่งหนึ่งของหุบเขาใหญ่ได้ปรากฏขึ้นอยู่ห่างไปไม่เกินห้าสิบฟุตและพระทัยของพระนางก็เริ่มรู้สึกดีและเปี่ยมไปด้วยความหวัง ว่าท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็สามารถทำมันได้สำเร็จ

สายลมระลอกใหม่พัดโหมกระหน่ำเข้ามาอีก ครั้งนี้มันรุนแรงกว่าทุกๆครั้ง มันแรงจนกระทั่งพระนางเกว็นทรบังคับใครตองทรุดตัวลงยังราชานุและ ยึดเชือกเอาไว้แน่น ด้วยมือทั้งสองพระองค์ ทรงเกาะมันแน่นเท่าชีวิต ในขณะที่สะพานแขวนแกว่งขึ้นไปเกือบเก้าสิบองศา จากนั้นจึงแกว่งลงกลับมาอย่างรุนแรง พระนางรู้สึกถึงแผ่นกระดานที่หลุดออกจากพระบาทของพระองค์ และทรงกรีดร้อง เมื่อพระชงฆ์(ขา)ของพระองค์จมไปยังแผ่นที่เปิดอยู่ของสะพาน พระชงฆ์ของพระองค์ติดอยู่ลึกลงไปจนถึงพระอูรุ(ต้นขา) พระองค์ทรงบิดตัวไปมา แต่ไม่สามารถจะออกมาได้

พระนางเกว็นโดลีนทรงหันไปทอดพระเนตรยังอะเบอร์ธอลที่มือกำลังหลุดจากการยึดกับราวสะพานและหลุดจากอลิสแตร์ เขาเริ่มที่จะไถลลื่นไปยังด้านข้างของสะพาน อลิสแตร์รีบตอบสนองโดยทันที นางเอื้อมมือเข้าไปจับข้อมือของเขาอย่างแน่น พร้อมดึงเขากลับมาทันเวลา ก่อนที่เขาจะตกลงไปยังด้านข้างสะพาน

อลิสแตร์ชะโงกตัวไปยังขอบสะพาน เธอจับมันเอาไว้มั่น ในขณะที่อะเบอร์ธอลยังโคลงตัวไปมาอยู่ด้านล่างของเธอ ไม่มีอะไรมาคั่นกลางระหว่างเขากับก้นบึ้งของหุบเหว อลิสแตร์รู้สึกเครียดและพระนางเกว็นก็ทรงภาวนาให้เชือกไม่ขาดลงไป พระนางรู้สึกหมดหนทางแล้ว ที่ต้องติดกับเหมือนที่ทรงเป็นอยู่ พระชงฆ์ฝังอยู่กับแผ่นกระดาน พระหทัยของพระนางเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง ในขณะที่พระองค์ทรงดิ้นรนที่จะหลุดออกมา

สะพานแกว่งไกวอย่างบ้าคลั่งและอลิสแตร์กับอะเบอร์ธอลก็โคลงตัวตามมันไปด้วย

"ปล่อยข้าไป" อะเบอร์ธอลตะเบ็งเสียงลั่น "ช่วยตัวเจ้าเองเถิด"

ไม้เท้าของอะเบอร์ธอลลื่นหลุดจากมือ มันหล่นลงไป ตะหวัดหมุนตัวจากท้องฟ้าแล้วตกลงไปยังเบื้องล่าง ดำดิ่งลึกลงไปสู่ห้วงลึกของหุบเขาใหญ่ ตอนนี้สิ่งที่เขาเหลือทั้งหมดก็มีเพียงไม้คฑาที่มัดอยู่ข้างหลังของเขา

"ท่านจะต้องไม่เป็นอะไร" อลิสแตร์กล่าวยังสงบ

พระนางเกว็นรู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าอลิสแตร์ยังมีท่าทางสงบเย็นและมั่นใจ

“จงมองเข้ามาในดวงตาของข้า!”อลิสแตร์บอกเขาอย่างหนักแน่น

“อะไรหรือ?” อะเบอร์ธอลกรีดร้อง ส่งเสียงลั่นไปพร้อมกับสายลม

"จงมองเข้ามาในดวงตาของข้า" อลิสแตร์ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่แฝงความแข็งแกร่งอยู่ในนั้น มันมีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับน้ำเสียงของเธอเวลาใช้ออกคำสั่ง อะเบอร์ธอลมองมายังเธอ ดวงตาของพวกเขาประสานกัน พระนางเกว็นโดลีนทรงเฝ้ามองแสงเรืองรองที่ออกมาจากดวงตาของอลิสแตร์ที่มันส่องแสงผ่านเข้าไปสู่ดวงตาของอะเบอร์ธอล พระองค์ทรงเฝ้ามองโดยไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็น  และเมื่อแสงเรืองรองที่ปล่อยออกมานั้นได้ห่อหุ้มตัวของอะเบอร์ธอลไว้ อลิสแตร์ชะโงกตัวของนางออกไปและกระชากตัวเขาขึ้นมา นางนำเขากลับขึ้นมาบนสะพานได้สำเร็จ

อะเบอร์ธอลตะลึงงันอยู่ตรงนั้น เขาหายใจอย่างแรงและมองขึ้นมาที่อลิสแตร์อย่างฉงนใจ ทันใดนั้นเอง เขาก็หันมาจับเขากับเชือกที่ราวสะพานด้วยมือทั้งสอง ก่อนที่สายลมพัดแรงอีกระลอกหนึ่งจะพัดผ่านเข้ามา

“ฝ่าบาท” สเต็ฟเฟนตะโกน

เขาคุกเข่าอยู่เหนือพระนางแล้วเอื้อมมือไป ดึงยังส่วนไหล่และกระชากขึ้นมาอย่างเต็มแรง

พระนางเกว็นเริ่มรู้สึกหลุดออกจากแผ่นไม้อย่างช้าๆ แต่ ในขณะที่พระนางใกล้ที่จะหลุดออกมาได้ พระองค์ก็ลื่นหลุดไปจากอุ้งมือที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งและตกลงมายังตำแหน่งที่พระองค์เคยอยู่ ฝังตัวลงไปลึกขึ้นกว่าเดิม

ทันใดนั้น แผ่นไม้อันที่สองที่อยู่ด้านล่างของพระนางก็แตกและดีดตัวขึ้นมา พระนางส่งเสียงร้อง ในขณะที่ทรงรู้สึกว่าร่างของพระองค์ทรงดำดิ่งลงไป

พระนางเกว็นเอื้อมพระหัตถ์ขึ้นมาจับเข้ากับเชือกด้วยพระหัตถ์ข้างหนึ่ง และจับเข้ากับข้อมือของสเต็ฟเฟนอีกข้างหนึ่ง พระองค์รู้สึกราวกับว่าไหล่ของพระองค์หลุดออกจากเบ้า ในขณะที่พระวรกายห้อยแกว่งไปมาในอากาศ สเต็ฟเฟนในขณะนี้ก็ห้อยตัวอยู่เช่นกัน ตัวของเขาเอนไปยังขอบด้านหนึ่งของสะพาน ขาของเขาพันกันอยู่ด้านหลัง เขาเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยพระนางจากการตกจากสะพาน เชือกที่อยู่ด้านหลังเขาคือสิ่งเดียวที่รั้งเขาให้ลอยอยู่ได้

โครห์นส่งเสียงร้องดังขึ้นและกระโจนไปข้างหน้า พร้อมกับฝังเขี้ยวของมันลงยังผ้าขนสัตว์ซึ่งเป็นฉลองพระองค์ของพระนางเกว็น มันดึงพระองค์ขึ้นมาอย่างเต็มแรง พร้อมกับส่งเสียงคำรามและร้องครวญคราง

พระนางเกว็นถูกยกขึ้นมาอย่างช้าๆ ทีละนิดๆ จนกระทั่งพระนางสามารถจับเข้ากับแผ่นไม้ด้านบนของสะพาน พระองค์ทรงดึงพระวรกายขึ้นมาและทรงล้มตัวลงขนาบกับพื้น ก้มพระพักตร์ลง ทรงหายใจหอบหนัก

โครห์นเข้ามาเลียยังพระพักตร์ของพระนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า พระนางทรงหายใจและรู้สึกซาบซึ้งไปกับมัน และกับสเต็ฟเฟนผู้ที่ในขณะนี้ได้ล้มตัวลงนอนแผ่ด้านข้างพระนาง พระองค์ทรงรู้สึกมีความสุขที่ยังคงมีพระชนม์ชีพอยู่ และรอดพ้นจากความตายอันน่ากลัว

แต่ในทันใดนั้นเอง พระนางเกว็นโดลีนก็ทรงได้ยินเสียงดังแหลมของการแตกขึ้น และทรงรู้สึกว่าทั้งสะพานสั่นไหว พระนางทรงรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกในสายพระโลหิต ขณะที่พระองค์ทรงหันไปทอดพระเนตรด้านหลัง เชือกที่ยึดสะพานทางกับด้านหุบเขาได้ขาดสะบั้นลง

ทั้งสะพานกระตุกขึ้นมาและพระองค์ทรงทอดพระเนตรดูด้วยความหวาดกลัว เมื่อเชือกอีกทางด้านหนึ่งที่ทำให้สะพานดูเหมือนกับแขวนอยู่กับเส้นด้าย เชือกนั้นก็ขาดผึงลงมาด้วย

พวกเขาทั้งหมดต่างกรีดร้อง เมื่อครึ่งหนึ่งของสะพานหลุดออกมาจากกำแพงทางด้านหุบเขา สะพานเหวี่ยงตัวอย่างรวดเร็ว อย่างที่พระนางเกว็นแทบหยุดหายใจ ในขณะที่พวกเขาลอยละลิ่วอยู่กลางอากาศ มุ่งหน้าไปยังทิศที่ห่างออกไปจากกำแพงของหุบเขาใหญ่

พระนางเกว็นทรงทอดพระเนตรขึ้นไปเห็นกำแพงหินที่กำลังตกลงมายังพวกเขาอย่างเลือนลาง และพระนางทรงรับรู้ได้ว่า เมื่อนั้นเอง พวกเขาทั้งหมดจะต้องตายจากการปะทะในครั้งนี้ ร่างของพวกเขาจะถูกบดอัดขยี้ และแม้ใครก็ตามที่รอดไปจากนี้ได้ก็จะตกลง จมดิ่งสู่เบื้องล่าง ไปสู่ความลึกของโลกนี้

“มวลหิน จงเปิดทาง! ข้าขอสั่งเจ้า!” เสียงตะโกนดังลั่นมาแฝงไว้ด้วยน้ำเสียงแห่งผู้มีอำนาจแห่งการกำเนิดโลก เสียงที่ไม่เหมือนเสียงใดที่พระนางเกว็นเคยได้ยินมาก่อน

พระนางทรงทอดพระเนตรเห็นอลิสแตร์ที่เกาะเข้ากับราวเชือกไว้แน่นเพียงมือข้างเดียว เกาะไว้อย่างมั่นคงปราศจากความกลัวต่อหน้าผาที่พวกเขากำลังจะพุ่งเข้าชน จากฝ่ามือของอลิสแตร์มีลำแสงสีเหลืองกระจายออกมา และ ในขณะที่พวกเขาเร่งเข้ามาใกล้กับฝั่งหน้าผา ในขณะที่พระนางเกว็นกำลังทำพระทัยกล้ารับมือกับการพุ่งเข้ากระแทก พระนางต้องทรงประหลาดพระทัยอย่างยิ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อมา

สิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา คือ มวลก้อนหินแข็งๆ ที่มาจากหุบเขา จู่ๆกลับเปลี่ยนสภาพไปเป็นหิมะ เมื่อเข้าปะทะกับพวกเขา

พระนางเกว็นโดลีนไม่ได้ทรงรู้สึกถึงกระดูกที่แตกร้าวอย่างที่ทรงคาดไว้เบื้องต้น แต่กลับเป็นความรู้สึกที่ทั้งพระวรกายผ่านกลืนหายเข้าไปกับกำแพงแห่งแสง กำแพงแห่งหิมะอันอ่อนนุ่ม มันหนาวเย็น แต่ก็หุ้มห่อพระองค์ไว้อย่างสมบูรณ์ มันเข้าไปในดวงพระเนตร พระนาสิกและพระกรรณ แต่มันไม่ได้ทำให้พระองค์เจ็บปวด

พระนางยังคงมีชีวิตอยู่

พวกเขาทั้งหมดต่างห้อยตัวอยู่ตรงนั้น เชือกห้อยอยู่จากด้านบนของหุบเขา ต่างก็ถูกฝังลงในกำแพงแห่งหิมะ และพระนางเกว็นโดลีนก็ทรงรู้สึกว่ามีมืออันแข็งแกร่งเข้ามาจับเข้ากับข้อพระกรของพระองค์ อลิสแตร์ มือของนางมีความอบอุ่นอย่างประหลาด แม้ในยามอากาศเย็นเยือกแข็งเช่นนี้ อลิสแตร์ได้กระชากดึงคนอื่นๆขึ้นมาด้วยเช่นกัน และเพียงเวลาไม่นาน ทุกคนรวมไปถึงโครห์นก็กลับขึ้นมาได้จากการดึงของเธอ ซึ่งเธอปีนป่ายเชือกอย่างราวกลับว่ามันเป็นเรื่องง่ายดาย

ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงจุดสูงสุดด้านบน พระนางเกว็นทรงล้มพระวรกายลงบนพื้นตรงส่วนที่อยู่ห่างออกไปจากหุบเขา ในวินาทีถัดมา เชือกส่วนที่เหลืออยู่ก็ขาดสะบั้นลง และส่วนที่เหลือของสะพานแขวนก็ล่วงหล่นดิ่งลงสู่ด้านล่าง เหวี่ยงตัวไปท่ามกลางหมอก ลงยังด้านล่างของหุบเขาลึก

พระนางเกว็นโดลีนทรงแผ่พระวรกายอยู่ตรงนั้น ทรงหายใจแรง และทรงรู้สึกซาบซึ้งที่ได้มาอยู่ที่พื้นแผ่นดินอีกครั้ง ยังทรงฉงนกับสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น พื้นดินนั้นเย็นยะเยือก ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะ แต่อย่างไรก็ดี มันก็เป็นพื้นดินที่แข็งแรง พระนางได้หลุดออกมาจากสะพานแขวนนั่นแล้ว และยังคงมีพระชนม์ชีพอยู่ พวกเขาทำมันได้สำเร็จ เรื่องนี้ต้องขอบคุณอลิสแตร์

...
6

На этой странице вы можете прочитать онлайн книгу «ประทานพรแห่งสรรพาวุธ เล่ม 8 ในชุด วงแหวนของผู้วิเศษ», автора Моргана Райс. Данная книга имеет возрастное ограничение 16+, относится к жанрам: «Зарубежное фэнтези», «Боевое фэнтези». Произведение затрагивает такие темы, как «эпическое фэнтези», «становление героя». Книга «ประทานพรแห่งสรรพาวุธ เล่ม 8 ในชุด วงแหวนของผู้วิเศษ» была издана в 2019 году. Приятного чтения!