บิลรู้สึกเหมือนตัวเองถูกรายล้อมไปด้วยคลื่นนัยน์ตาสีฟ้า ไม่มีคู่ไหนเป็นของจริง ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่จะเก็บเอาคดีมาฝันร้าย และเขาก็ไม่ได้กำลังฝันร้ายอยู่ – หากแต่มันรู้สึกราวกับเป็นความฝันอันน่าสะพรึง ใจกลางร้านขายตุ๊กตาที่ตรงนี้ ดวงตาสีฟ้าคู่เล็กๆมันมีอยู่ทั่วทุกมุม ทั้งหมดมีดวงตาเบิกโพลงวิบวับและจับจ้องบ
ริมฝีปากสีทับทิมของตุ๊กตาที่ส่วนมากกำลังฉีกยิ้มอยู่นั้น ทำให้แลดูน่าสะพรึงกลัว เช่นเดียวกับผมปลอมที่ถูกหวีรวบตึงไว้อย่างแข็งๆและขยับเขยื้อนไม่ได้ ระหว่างซึบซับเอารายละเอียดเหล่านี้อยู่นั้น บิลเพิ่งนึกประหลาดใจว่าทำไมเขาถึงพลาดในการตีความนัยน์ของเจ้าฆาตกรไปได้ – จุดประสงค์ที่ต้องการทำให้เหยื่อดูใกล้เคียงกับตุ๊กตามากเท่าที่จะทำได้ ซึ่งที่สุดแล้วต้องพึ่งไรล์ลี่ในการเชื่อมความเกี่ยวพันกันของสิ่งเหล่านั้น
ขอบคุณพระเจ้าที่เธอกลับมา เขาคิดในใจ
แต่ถึงอย่างนั้น บิลก็ยังอดเป็นห่วงเธอไม่ได้ เขาเคยอึ้งกับการทำคดีของเธอตั้งแต่สมัยคดีเมืองโมวส์บี้แล้ว แต่หลังจากที่เขาขับรถกลับไปส่งเธอที่บ้าน ดูเธอเหนื่อยและล้าเหลือเกิน เธอแทบไม่ได้พูดอะไรกับเขาระหว่างทางขากลับ มันอาจจะมากเกินไปสำหรับเธอรึเปล่า
ไม่ว่าอย่างไร บิลก็ยังคงหวังให้ไรล์ลี่มาอยู่ด้วยตรงนี้ในเวลานี้ เธอคิดว่ามันเป็นการดีที่ทั้งสองจะแยกกันหาหลักฐานเพื่อให้เสร็จไวยิ่งขึ้น ซึ่งเขาก็ปฏิเสธข้อนั้นไม่ได้ เธอส่งหน้าที่ให้เขารับผิดชอบบริเวณร้านขายตุ๊กตาในขณะที่เธอจะไปสำรวจสถานที่เกิดเหตุของคดีเก่าเมื่อหกเดือนก่อน
บิลเดินสำรวจไปรอบๆ ยังคิดอะไรไม่ออก นึกสงสัยว่าหากไรล์ลี่ได้เห็นร้านขายตุ๊กตานี้แล้วจะมีความเห็นว่าอย่างไร ร้านนี้เป็นร้านที่หรูหราที่สุดจากทุกร้านที่เขาไปสำรวจมาวันนี้ ตั้งอยู่ในชานเมืองของแคปิตอลเบลท์เวย์ ดูท่าร้านนี้คงจะมีนักช็อปไฮโซจากครอบครัวเศรษฐีในเทศมณฑลนอร์ธเทิร์นเวอร์จิเนียเป็นลูกค้าอยู่เป็นกระบุง
เขาเดินเลือกดูไปเรื่อยและสะดุดตากับตุ๊กตาเด็กผู้หญิงตัวจิ๋ว ด้วยโทนผิวสีซีดและรอยยิ้มปากคว่ำมันยิ่งเตือนให้เขานึกถึงเหยื่อรายล่าสุด ถึงแม้ว่าตุ๊กตาจะใส่เสื้อผ้าครบอยู่ในชุดเดรสสีชมพูมีระบายลูกไม้ทั้งที่ปกคอ, ข้อมือ, และชายเดรส ตัวตุ๊กตานั้นยังนั่งอยู่ในท่าที่คล้ายกันอย่างน่าวิตกจริต
แล้วทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงพูดขึ้นทางด้านขวา
“ดิฉันว่าคุณกำลังดูผิดโซนแล้วมั้งคะ”
บิลหันกลับไปพบว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับหญิงสาวร่างเล็กพร้อมรอยยิ้มต้อนรับ เธอมีออร่าบางอย่างที่บอกว่าเธอคงเป็นเจ้าของที่นี่
“ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นล่ะครับ” บิลถาม
หญิงสาวขำเล็กน้อย
“ก็เพราะว่าคุณไม่มีลูกสาวน่ะสิคะ ฉันดูออกว่าผู้ชายคนไหนมีหรือไม่มีลูกตั้งแต่เห็นที่หน้าประตูร้านเลยล่ะค่ะ อย่าถามนะคะว่าทำได้ยังไง ฉันเดาว่ามันคงเป็นคล้ายๆสัญชาตญาณ
บิลนั้นทึ่งกับความรอบรู้ของหญิงสาว และออกจะประทับใจด้วย
เธอผายมือออกไปหาเขา
“รูธ เบนเก้ ค่ะ” เธอแนะนำตัว
บิลจับมือทักทายกับเธอ
“บิล เจฟฟรี่ส์ ครับ ผมเดาว่าคุณคงเป็นเจ้าของร้าน”
เธอหัวเราะเบาๆอีกครั้ง
“คุณเองก็ดูเหมือนจะมีสัญชาตญาณเหมือนกันนะคะ” เธอล้อเขาเล่น “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ว่าแต่ว่าคุณมีลูกชายใช่มั้ยคะ ฉันเดาว่าน่าจะเป็นลูกชายทั้งสามคน”
บิลยิ้มรับ คงต้องยอมรับว่าสัญชาตญาณเธอจัดว่าค่อนข้างแม่นเลยทีเดียว เธอกับไรล์ลี่น่าจะเข้ากันได้ดี
“สองคนครับ” เขาตอบ “แต่ก็เดาได้เฉียดฉิวมาก”
เธอยังคงขำเล็กๆ
“อายุเท่าไหร่คะ” เธอถามต่อ
“แปด กับ สิบขวบครับ”
เธอมองไปรอบๆร้าน
“ฉันไม่รู้ว่าในร้านจะมีอะไรที่พวกเขาเล่นได้มั้ย เอ้อ อันที่จริงฉันพอมีตุ๊กตาทหารเท่ๆอยู่ที่ช่องถัดไป แต่ก็ไม่รู้ว่าเด็กผู้ชายสมัยนี้ยังชอบเล่นแบบนี้กันอยู่รึเปล่า เดี๋ยวนี้เห็นเล่นกันแต่วิดิโอเกมส์ แถมยังเป็นแบบรุนแรงเลือดสาดอีกต่างหาก”
“ผมก็ว่าอย่างนั้น”
เธอหรี่ตามองเขาอย่างประเมิน
“คุณไม่ได้มาที่นี่เพื่อซื้อตุ๊กตาใช่มั้ยคะ” เธอถามเขา
บิลยิ้มพร้อมส่ายหน้า
“คุณนี่เก่งนะครับ” เขาตอบเธอกลับไป
“คุณเป็นตำรวจรึเปล่าคะ อาจจะใช่รึเปล่า” เธอถามอีก
บิลหัวเราะเงียบๆแล้วดึงตราประจำตัวออกมา
“ก็ไม่เชิงนะครับ แต่ก็ใกล้เคียง”
“นี่มันอะไรกันคะ!” เธอถามอย่างกังวล “เจ้าหน้าที่เอฟบีไอต้องการอะไรจากร้านเล็กๆของฉันเนี่ย ฉันถูกหมายหัวอะไรรึเปล่าคะ”
“ก็ทำนองนั้นครับ” บิลบอก “แต่คุณไม่ต้องกังวลไป จากการสืบข้อมูลของเรา ร้านของคุณเพียงแต่เป็นหนึ่งในหลายๆร้านในละแวกนี้ที่ขายของเก่าสะสมและตุ๊กตาที่ระลึกเท่านั้น”
อันที่จริงแล้ว บิลเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า อะไร คือสิ่งที่เขากำลังค้นหา ไรล์ลี่แค่เพียงแนะนำให้เขาตรวจสอบสถานที่พวกนี้ เผื่อว่าเจ้าฆาตกรอาจจะเคยมาบ่อยๆ – หรืออย่างน้อยอาจจะเคยแวะมาบ้างเป็นครั้งคราว เขาเองไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เธอคาดหวังว่าจะเจอ หรือเธอหวังว่าจะเจอฆาตกรตัวเป็นๆที่นั่น? หรือหวังว่าจะเจอพนักงานที่อาจจะเคยเห็นเจ้าฆาตกรมาก่อน?
ไม่คิดว่าจะพวกเขาจะเคยเห็นมันหรอกนะ หรือถึงแม้จะเคยเจอ ก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดีที่พวกเขาจะคิดว่ามันเป็นอาชญากร พวกผู้ชายที่เข้ามาที่ร้านนี้มันน่าจะเป็นพวกวิตถารซะมากกว่า
ไรล์ลี่น่าจะกำลังพยายามทำให้เขาได้เข้าใจวิธีการตกผลึกทางความคิดของเจ้าฆาตกรนั่นมากกว่า เช่นวิธีการมองโลกของมัน ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้น เขาว่าเธอคงจะต้องผิดหวังเสียแล้ว เขาแค่ไม่มีมันสมองหรือความสามารถในการอ่านใจฆาตกรเหมือนอย่างที่เธอมี
สำหรับเขาแล้วตอนนี้ดูเหมือนเธอกำลังหว่านแห มีร้านขายตุ๊กตาตั้งมากมายหลายสิบร้านภายในระยะวิถีที่พวกเขาออกสำรวจ เขาคิดกับตัวเองว่าเธอควรจะให้ทีมนิติเวชเป็นฝ่ายตามหาคนทำตุ๊กตาต่อน่าจะดีกว่า ถึงแม้ว่าผ่านมาจนวันนี้แล้ววิธีนั้นก็ไม่ได้มีความคืบหน้าอะไร
“ฉันอยากจะถามว่ามันเป็นคดีเกี่ยวกับอะไร” รูธกล่าว “แต่ฉันน่าจะไม่ควรถามใช่มั้ยคะ”
“ครับ” บิลตอบ “ไม่ควรจะถาม”
มันก็ไม่เชิงว่าคดีจะเป็นความลับอะไรแล้ว – มันไม่ใช่ความลับตั้งแต่คนของวุฒิสมาชิกนิวโบรออกมาแถลงข่าวแล้วล่ะ
ตอนนี้สื่อเล่นข่าวนี้กันอย่างหนัก เหมือนเช่นทุกครั้ง ตอนนี้องค์กรกำลังหน้ามืดกับพวกโทรศัพท์ก่อกวน อินเตอร์เน็ตก็ลือหึ่งไปด้วยทฤษฎีแปลกประหลาดเต็มไปหมด เรื่องราวทั้งหมดมันกลายเป็นฝันร้ายไปแล้ว
ก็แล้วทำไมจะต้องบอกเรื่องพวกนี้ให้เธอรู้ด้วย? เธอดูเป็นคนจิตใจดี และร้านของเธอก็ดูดีงามไม่มีพิษมีภัยจนบิลไม่อยากจะทำให้เธอกังวลกับอะไรที่ดูร้ายกาจและน่าตกใจอย่างเช่นฆาตกรต่อเนื่องผู้หมกหมุ่นกับตุ๊กตา
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เขาก็อยากจะรู้อยู่เรื่องหนึ่ง
“บอกผมหน่อยได้มั้ยครับ” บิลเอ่ย “คุณขายของให้พวกผู้ใหญ่มากแค่ไหน – ผมหมายถึงผู้ใหญ่ที่ไม่มีลูก”
“อ๋อ นั่นเป็นลูกค้าหลักของฉันเลยนะคะ ส่วนมากก็จะเป็นพวกนักสะสม”
บิลรู้สึกฉงนกับคำตอบ เขาไม่มีทางจะเดาออกมาแบบนี้ได้เลย
“ทำไมคุณถึงคิดว่าเป็นพวกนักสะสม” เขาถาม
หญิงสาวยิ้มแปลกจางๆ และพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า
“เพราะว่าคนเราเกิดมาก็ต้องตาย คุณบิล เจฟฟรี่ส์”
ฟังถึงตรงนี้บิลถึงกับสะดุ้ง
“อะไรนะครับ” เขาเริ่มไม่แน่ใจ
“เมื่อเราอายุมากขึ้น เราก็จะต้องสูญเสียคนรอบตัว เพื่อนและครอบครัวของเราต้องจากไป เราจะเศร้าโศกเสียใจ ตุ๊กตาทำให้เวลาของเราหยุดหมุน พวกมันทำให้เราลืมความเจ็บปวด ปลอบโยนและปลอบประโลมใจเรา คุณลองดูรอบๆสิคะ ฉันมีตุ๊กตาบางตัวที่อายุเกือบร้อยปีและบางตัวก็ยังใหม่อยู่มาก อย่างน้อยๆกับตุ๊กตาบางตัวนั้นคุณก็แยกแทบไม่ออกด้วยซ้ำว่าตัวไหนใหม่ตัวไหนเก่า พวกมันไม่มีวันแก่
บิลกวาดตามองไปรอบตัว รู้สึกขนหัวลุกไปกับนัยน์ตาร้อยปีสารพัดคู่ที่กำลังจ้องมองเขากลับมา นึกอยากรู้ว่าตุ๊กตาพวกนี้อยู่ทนทายาดมานานกว่าคนจำนวนเท่าไหร่ เขาข้องใจว่าพวกมันจะได้เห็นอะไรมาบ้าง – ความรัก, ความโกรธ, ความเกลียด, ความโศกเศร้า, ความรุนแรง ซึ่งแล้วทำไมยังสามารถที่จะจ้องตอบกลับมาด้วยสายตาอันว่างเปล่าได้อย่างนั้น เขาไม่เข้าใจเลย
คนเราควรต้องเดินตามอายุ เขาคิดกับตัวเอง พวกเขาควรต้องแก่ลง มีรอยตีนตา และมีผมขาว อย่างเช่นที่บิลเองก็มี จากความมืดมนและความน่ากลัวที่มีอยู่ในโลกใบนี้ จากที่เขาเคยประสบพบมา เขาคิดว่ามันคงจะเป็นกรรมหากเขายังดูไม่เปลี่ยนไปเลย ภาพฉากเหตุการณ์ฆาตกรรมนั้นยังฝังอยู่ภายในของเขาไม่ไปไหน และมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขาไม่อยากจะดูหนุ่มอีกต่อไป
“พวกมันก็—เป็นสิ่งไม่มีชีวิต” บิลพูดออกมาในที่สุด
รอยยิ้มของเธอเปลี่ยนเป็นขมขื่น เกือบจะเป็นสังเวช
“คุณคิดอย่างนั้นจริงๆเหรอคะคุณบิล ลูกค้าส่วนมากของฉันไม่คิดแบบนั้น ตัวฉันก็ไม่แน่ใจว่าเห็นด้วยกับคุณเช่นกัน”
ความเงียบผิดปกติเข้าปกคลุม หญิงสาวทำลายมันด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ เธอยื่นโบรชัวร์สีสดใสมีรูปตุ๊กตามากมายให้แก่เขา
“ฉันกำลังจะเดินทางไปหอประชุมในวอชิงตันดีซี คุณอาจจะอยากไปด้วยกัน ไม่แน่มันอาจจะทำให้คุณเกิดไอเดียบางอย่างในสิ่งที่กำลังค้นหาอยู่”
บิลขอบคุณหญิงสาวและเดินออกจากร้าน รู้สึกขอบคุณสำหรับคำแนะนำเรื่องหอประชุมนั้น เขาได้แต่หวังว่าไรล์ลี่อาจจะไปกับเขา พลางนึกขึ้นมาได้ว่าเธอนั้นจะต้องไปสอบปากคำวุฒิสมาชิกนิโบรและภริยาในช่วงบ่ายวันนี้ มันเป็นนัดที่สำคัญซะด้วยสิ – ไม่ใช่แค่เพียงเพราะท่านวุฒิสมาชิกอาจจะมีข้อมูลอะไรดีๆ หากแต่เป็นเหตุผลทางการทูตต่างหาก นิวโบรนั้นตามเร่งเรื่องกับองค์กรประหนึ่งเอาไฟลนก้น ไรล์ลี่เป็นเพียงเจ้าหน้าที่รับหน้าที่มาเพื่อโน้มน้าวให้วุฒิสมาชิกเข้าใจว่าเราพยายามทำอย่างดีที่สุดมาโดยตลอด
แต่เธอจะโผล่มามั้ยนะ? บิลนึกสงสัย
เหมือนเป็นเรื่องแปลกประหลาดเหลื่อเชื่อที่เขาเองก็ไม่แน่ใจนัก จนถึงเมื่อ 6 เดือนก่อน ไรล์ลี่ยังเป็นหลักยึดเหนี่ยวในชีวิตของเขาอยู่เลย บิลไว้ใจฝากชีวิตไว้กับเธอ หากแต่ความเศร้าซึมอย่างเห็นได้ชัดของเธอนั้นทำให้เขาอดเป็นห่วงไม่ได้
เหนือสิ่งอื่นใด เขาคิดถึงเธอ ถึงบางครั้งจะมีซึมไปบ้างเวลาเจอสมองคิดไวกว่าปรอทของเธอเข้าไป แต่อย่างไรซะเขาก็ต้องการเธอในงานแบบนี้ นอกจากนั้นบิลยังตระหนักแล้วว่าเขาต้องการมิตรภาพจากไรล์ลี่
หรือลึกๆแล้ว มันจะมีอะไรมากกว่านั้น?
ไรล์ลี่ขับรถลงจากทางด่วนสองเลน ปากก็จิบเครื่องดื่มชูกำลังและเปิดกระจกรถไว้ ช่างเป็นเช้าที่มีแสงแดดอบอุ่น กลิ่นอ่อนๆของมัดฟางอบอวลอยู่ในอากาศ ทุ่งหญ้าขนาดพอประมาณที่รายล้อมนั้นมีวัวควายอยู่เป็นหย่อมๆ จรดขอบทุ่งด้วยตีนภูเขาทั้งสองด้าน เธอชอบที่นี่
หากแต่เธอต้องเตือนตัวเองว่าเธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อชื่นชมบรรยากาศ เธอมีงานที่ต้องสะสาง
ไรล์ลี่เลี้ยวผ่านเข้าไปในถนนหินกรวดเก่าทรุดโทรม ขับต่อไปอีกสักนาทีสองนาทีเธอก็มาถึงทางแยก เธอเลี้ยวเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ ขับเข้าไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ก็จอดรถไว้ตรงไหล่ทาง
เธอลงจากรถแล้วเดินข้ามไปยังลานกว้างที่มีต้นโอ๊คสูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ทางเหนือของทิศบูรพา
ที่นี่นั่นเอง สถานที่ที่พบศพของ เอลีน โรเจอร์ส – จัดวางเก้ๆกังๆพิงต้นไม้ไว้ เธอกับบิลเคยมาที่นี่ด้วยกันเมื่อหกเดือนก่อน ไรล์ลี่เริ่มจินตนาการภาพเหตุการณ์ในมโนภาพของเธอ
สิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนคือสภาพอากาศ ย้อนกลับไปช่วงนั้นเป็นช่วงกลางเดือนธันวาคม เป็นช่วงที่หนาวสุดขั้วหัวใจ หิมะบางๆแผ่ปกคุมไปทั่วบริเวณ
กลับเข้าไป เธอบอกกับตัวเอง กลับเข้าไปสัมผัสความรู้สึกนั้น
เธอสูดหายใจลึก เข้าและออกๆ จนกระทั่งรับรู้ได้ถึงความเย็นเฉียบที่เวียนผ่านหลอดลมเข้ามา แทบจะเห็นเป็นก้อนน้ำแข็งหนาทึบปกคลุมทุกลมหายใจเข้าออก
ศพอันเปลือยเปล่านั้นแข็งทื่อราวกับโดนแช่แข็ง มันตอบยากที่จะระบุว่าบาดแผลใดบนร่างกายของเธอเป็นรอยแผลที่เกิดจากมีด และรอยไหนเป็นเพียงแค่รอยแยกรอยปริแตกที่เกิดจากอากาศอันหนาวเหน็บ
ไรล์ลี่เรียกภาพเหตุการณ์กลับมา กวาดตาไปในทุกรายละเอียด ทั้งวิกผม รอยยิ้มที่ฉาบไว้ เปลือกตาที่ถูกเย็บเปิด ดอกกุหลาบพลาสติกที่วางระหว่างขาของศพกลางหิมะ
ภาพในมโนของเธอนั้นเริ่มชัดเจนแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ให้เธอทำเช่นเดียวกับเมื่อวาน – รับสัมผัสผ่านประสบการณ์ของฆาตกร
เธอหลับตาลงอีกครั้ง ปล่อยตัวผ่อนคลายและก้าวลงสู่ความมืดของเหวลึก ยินดีต้อนรับความวิงเวียนและมึนศีรษะขณะหลุดเข้าสู่ห้วงความคิดของอาชญากร เพียงไม่นานเธอก็มายืนอยู่ข้างๆมัน มองเห็นทุกอย่างที่มันเห็น รับรู้ทุกอารมณ์ที่มันรู้สึก
เขากำลังขับรถมาที่นี่ในตอนดึก แลดูขาดความมั่นใจ มองถนนด้วยความกระวนกระวาย กังวลกับหิมะที่อยู่ใต้ล้อรถ จะทำอย่างไรถ้าหากเขาเกิดควบคุมรถไม่อยู่ลื่นไถลลงคูน้ำ เขามีศพอยู่บนรถด้วย ต้องโดนจับได้แน่ เขาต้องขับต่อไปอย่างระมัดระวัง ได้แต่ภาวนาให้ฆาตกรรมรอบที่สองนี้จะง่ายกว่ารอบแรก แต่ยังไงเสียก็ยังกังวลจนประสาทจะเสียอยู่ดี
เขาจอดรถลงตรงนี้ ลากร่างของหญิงสาวออกมาภายนอก – ไรล์ลี่เดาว่าน่าจะอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าแล้ว หากแต่ร่างนั้นแข็งทื่อไปแล้วจากภาวะแข็งตัวหลังเสียชีวิต เขาไม่ได้คิดถึงข้อนี้มาก่อน นั่นทำให้เขาหัวเสีย ทำลายความมั่นใจลง และที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือมันมืดจนไม่ว่าจะทำอะไรก็มองเห็นไม่ค่อยชัด แม้ว่าจะมีแสงจากไฟหน้ารถสาดกระทบกับต้นไม้ก็ไม่ได้ช่วยอะไร ท้องฟ้าค่ำคืนนี้มันมืดสนิทเกินไป เขาจดบันทึกลงในหัวว่าคราวหน้าหากเป็นไปได้จะต้องจัดการเรื่องนี้ในตอนกลางวัน
เขาลากร่างหญิงสาวมาที่ต้นไม้พยายามจะจัดวางท่าตามที่มโนภาพไว้ในหัว มันไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่นเท่าใดนัก ศีรษะของหญิงสาวนั้นเอียงลงด้านซ้าย แข็งทื่อจากการภาวะแข็งตัว เขาทั้งดึงทั้งบิด แม้จะหักคอแล้วก็ยังไม่สามารถจะจัดให้นั่งมองตรงไปข้างหน้าได้
แล้วเขาจะแบะขาออกวางตามที่คิดได้ยังไง? เมื่อขาหนึ่งข้างมันอยู่ในสภาพบิดเบี้ยวอย่างนั้น เขาไม่มีทางเลือกนอกจากเดินไปหยิบไขควงเหล็กขันล้อออกมาจากกระบะท้ายรถแล้วทุบไปที่ต้นขากับหัวเข่า หลังจากนั้นก็บิดขาได้ตามทิศทางที่ต้องการ หากแต่ยังไม่พอใจอยู่ดี
จนสุดท้าย เขาก็ทิ้งริบบิ้นไว้รอบคอของเธอตามหน้าที่ จัดการวิกผมบนศีรษะของเธอ และจัดการกับดอกกุหลาบกลางหิมะ แล้วจึงกลับไปขึ้นรถขับออกไปอย่างผิดหวังและไม่ได้ดั่งใจ ในขณะที่ก็หวาดกลัวไปด้วย ซุ่มซ่ามแบบนี้นี่ตัวเขาทิ้งร่องร่อยหลักฐานสำคัญอะไรไว้หรือเปล่า? เขารีเพลย์ทุกการกระทำในหัวแต่ก็ยังไม่แน่ใจ
เขารู้ตัวว่าจะต้องทำให้ดีกว่านี้ในคราวหน้า สัญญากับตัวเองว่าจะพัฒนายิ่งขึ้น
ไรล์ลี่เปิดเปลือกตาขึ้น ปล่อยให้ภาพซ้อนทับของฆาตกรมลายหายไป เธอพอใจกับผลงานในขณะนี้ ที่ไม่ได้ปล่อยให้ตัวเองโดนครอบงำโดยความสั่นกลัว และได้เห็นมุมมองที่มีค่า เธอได้เรียนรู้ว่าฆาตกรนั้นเรียนรู้และพัฒนาฝีมืออย่างไร
เธอหวังว่าเธอจะรู้อะไรบ้าง – อะไรก็ได้ – เกี่ยวกับฆาตกรรมรายแรกของเขา เธอมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิมอีกในตอนนี้ว่าเขาจะต้องเคยฆ่ามาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง นี่เป็นผลงานของเด็กฝึกหัด แต่ก็ไม่ใช่มือใหม่ซะทีเดียว
ในขณะที่ไรล์ลี่กำลังจะหมุนตัวเดินกลับไปที่รถ อะไรบางอย่างที่ต้นไม้มันสะดุดตาเธอ เป็นรอยขีดเส้นสีเหลืองตรงรอยแยกของลำต้นไม้เหนือศีรษะเธอขึ้นไปนิดหนึ่ง
เธอเดินวนไปอีกด้านของต้นไม้แล้วแหงนมองขึ้นไป
“มันเคยกลับมาที่นี่!” ไรล์ลี่หลุดเสียงดังออกมา ความหวิวและขนหัวลุกแผ่ซ่านเข้าสู่ร่างกาย เธอกวาดตามองรอบอย่างหวั่นๆ ดูเหมือนตอนนี้ไม่มีใครอยู่แถวนี้
ที่ถูกผูกติดกับกิ่งไม้ห้อยลงมาจ้องหน้าไรล์ลี่นั้นคือ ตุ๊กตาเด็กผู้หญิงล่อนจ้อนผมสีบลอนด์ อยู่ในท่าที่เหมือนกับที่ฆาตกรต้องการให้เหยื่อเป็น
ตุ๊กตานี่น่าจะเพิ่งมาอยู่ไม่นาน – อย่างมากก็สามหรือสี่วัน มันยังไม่โดนลมตีหลุดหรือมีรอยคราบเปื้อนจากฝน ฆาตกรเคยกลับมาที่นี่ตอนกำลังเตรียมตัวก่อเหตุฆาตกรรมของ รีบ้า ฟราย ด้วยเหตุเดียวกับที่ไรล์ลี่มา มันเองก็มาที่นี่เพื่อสำรวจผลงานเก่าของตัวเอง มาเพื่อจับจุดหาข้อผิดพลาด
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปเอาไว้ เพื่อส่งต่อให้องค์กรในทันที
ไรล์ลี่รู้ว่าทำไมมันถึงทิ้งตุ๊กตาไว้
เธอเข้าใจแล้วว่ามันทำ เพื่อเป็นการไถ่โทษจากผลงานลวกๆที่ผ่านมา
และมันก็คือคำสัญญาสำหรับงานที่จะพัฒนาขึ้นต่อไป
Бесплатно
Установите приложение, чтобы читать эту книгу бесплатно
О проекте
О подписке